OneShot :: SOAP :: [ChoMi] - OneShot :: SOAP :: [ChoMi] นิยาย OneShot :: SOAP :: [ChoMi] : Dek-D.com - Writer

    OneShot :: SOAP :: [ChoMi]

    จำได้ว่าสบู่ในห้องหมดนี่หน่า ซื้อใหม่ดีกว่า... ฟิคเกือบอิงวงที่ว่าด้วยเรื่องหอมๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    868

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    868

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มี.ค. 59 / 02:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    SOAP

     

    ในวันที่รายการข่าวพยากรณ์อากาศบอกว่าอากาศจะร้อนเกิน32องศาเซลเซียสและจะร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามวันนี้ ถือว่าเป็นโชคดีที่วันนี้ 'ยุนโบมี' หนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง ไม่ได้มีงานอะไรที่ต้องออกไปทำในวันที่ร้อนสุดๆแบบนี้

    ร่างบางทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นในหอพักด้วยความเบื่อหน่าย ก็วันนี้คนอื่นมีงานมีธุระออกไปข้างนอกกันหมด ทิ้งให้ยุนโบมีอยู่หอคนเดียว นิ้วเล็กๆกดรีโมททีวีเพื่อหารายการที่น่าสนใจดูไปเรื่อย นิ้วเล็กๆหยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคนในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า มือบางโยนรีโมททิ้งลงข้างตัวอย่างขัดใจเมื่อในจอกำลังฉายละครที่ลีดเดอร์วงร่วมแสดงถูกนำมารีรันให้ดูกันใหม่ในเวลานี้ แต่ไอ้ที่กำลังทำให้คนดูหงุดหงิดก็คงไม่พ้นฉากจูบในห้องสมุดของ 'พัคโชรง' กับนักแสดงชายที่เป็นรุ่นน้องค่ายเดียวกันกับพวกเธอนั่นแหละ

    "ตาหวานไปมั้ยนั่น" โบมีบึนปากใส่จอทีวีราวกับว่าคนในจอจะได้ยินอย่างนั้นแหละ บอกตรงๆว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เวลาเห็นโชรงใช้สายตาแบบนั้นมองคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ

    "แล้วจะเขินอะไรนักหนา แค่โดนจูบเนีย" โบมียังคงวิจารณ์ละครอย่างต่อเนื่อง ถึงจะไม่ค่อยสบอารมณ์แต่ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนช่อง ก็คงเพราะลึกๆอยากเห็นอยากได้ยินเสียงใครคนนั้นถึงจะแค่ในจอก็ยังดี

    พอละครจบรีโมทก็ถูกใช้งานอีกครั้ง จนได้รายการที่คิดว่าโอเคที่สุดจึงหยุดดูอีกครั้ง

     

    แกร๊ก ! ประตูหน้าถูกเปิดออกโดยคนที่พึ่งกลับมาจากการออกไปทำธุระข้างนอก โบมีเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะรีบเบี่ยงสายตากลับมาที่จอทีวีเหมือนเดิม

    "กลับมาแล้ว" คนมาใหม่พูดขึ้นขณะถอดรองเท้า แต่ไม่ได้รับเสียงตอบรับใดๆกลับมา ท่าทางของคนที่เอาแต่สนใจทีวีอยู่บนโซฟากำลังทำให้โชรงเหล่ตาไปมอง ทั้งที่ปกติต้องได้ยินเสียงสดใสตอบกลับมาทุกครั้งที่กลับมาถึง นี่แสดงว่าโบมีกำลังตั้งใจเมินเขาอยู่ชัดๆ โชรงยู่ปากใส่เข้าเด็กน้อยอย่างเคืองๆ

    ใช่ โบมีกำลังเมินอีกคนเพราะแค่อยากแกล้ง ข้อหาที่ทำให้เธอคิดถึง

    "โบมียา" เสียงเล็กๆเรียกอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่เจ้าของชื่อกลับไม่ตอบสนองอะไรเลยสักนิด โบมีกำลังพยายามอย่างมากที่จะไม่หันไปสนใจอีกคน

    หลายคนบอกว่าลีดเดอร์วงเป็นคนนิ่งๆ แต่ใครจะรู้มั้ยว่าพัคโชรงมีมุมน่ารักเยอะแยะเต็มไปหมด โบมีรู้ดีว่าอีกคนขี้เหงาและต้องการให้เธอสนใจ ลองเธอเมินแบบนี้ อีกไม่นานจะต้องมาเรียกร้องความสนใจแน่นอน ไม่เชื่อคอยดูนะ

    สาม สอง หนึ่ง โบมีนับถอยหลังในใจพร้อมขยับตัวนั่งชิดพนักพิงอย่างเนียนๆ

    พรึบ ! คนแก่เรียกร้องความสนใจด้วยการกระโดดทิ้งตัวนั่งตักคนที่อยู่บนโซฟา แต่เหมือนโบมีจะรู้ทันจึงกางขาออกทันทำให้กลายเป็นว่าเด็กน้อยกำลังนั่งซ้อนหลังอีกคนไปโดยปริยาย

    "ดูอะไรอยู่" เสียงอ้อนๆนั่นกำลังทำให้อีกคนแทบทนไม่ไหวกับความน่ารักของคนตรงหน้า แต่ก็ยังทำเป็นไม่รับรู้เช่นเคย ตายังคงมองจอทั้งที่ไม่รู้เลยว่ารายการตรงหน้าคืออะไร ใจมันลอยไปอยู่กับคนตรงหน้าตั้งแต่เขาเปิดประตูเข้ามาแล้วล่ะ

    "โบมอาาาา~" โชรงเห็นอีกคนยังเมินอยู่จึงเงยหน้าเอนตัวพิงไหล่คนเด็กกว่า ก่อนจะเอาหัวถูกับแก้มอีกคนเพื่อให้เด็กน้อยสนใจเขาสักที โบมีกลั้นยิ้มแทบตาย เจอแบบนี้เข้าไป โอเค ยอมแพ้เลย คนข้างหลังหัวเราะคิกๆพร้อมสอดแขนเข้ากอดเอวคนข้างหน้าไว้ โชรงยิ้มออกทันทีที่เด็กน้อยกลับมาสนใจตัวเองสักที

    "รู้ป่าว เมื่อกี้Plus nine boysเอามารีรันให้ดูด้วย" เด็กน้อยพูดถึงละครที่โชรงเคยเล่น

    "จริงหรอ สนุกป่ะ" โชรงถามกลับแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

    "สนุกมั้ง ฉากในห้องสมุดน่ะ" โบมีประชดออกมาอย่างเอือมๆ ให้ตายสิ ภาพยังติดตาอยู่เลย

    "ฉากจูบน่ะหรอ" โชรงแหย่เล่นกลับเป็นการเอาคืนที่เด็กนี่กล้าเมินเขาเมื่อกี้ โบมีหายใจฟึดฟัดด้วยความหงุดหงิดพร้อมเมินหน้าหนีเพื่อแสดงออกว่าไม่พอใจ

    "เป็นอะไร ก็เคยดูไปแล้วหนิ จะหงุดหงิดทำไม" โชรงพูดขึ้นเสียงเรียบๆ

    "ก็ไม่ชอบอยู่ดีนั่นแหละ" เด็กน้อยงึมงำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ทำให้อีกคนได้ยินอยู่ดี พอโชรงเห็นอาการของอีกคนก็อมยิ้มออกมา ครั้งที่แล้วที่เด็กนี่ดูตอนออนแอร์ก็เป็นแบบนี้แหละ เหมือนเดิมแป๊ะ

    "ย้าาา แค่เอาปากแตะกันเฉยๆ ไม่ใช่จูบสักหน่อย" โชรงเชยคางคนเด็กกว่าให้หันกลับมามองตัวเอง แต่ดูเหมือนโบมีจะยังเคืองอยู่หน่อยๆ

    "ถ้าจูบ มันต้องแบบนี้" พอพูดจบโชรงก็ประคองหน้าเด็กน้อยเพื่อรับจูบทันที ริมฝีปากบางประกบลงกับริมฝีปากเล็กๆของอีกคนช้าๆก่อนจะเริ่มจูบด้วยความอ่อนโยน คนเป็นพี่ค่อยๆเม้มชิมกลีบปากสวยก่อนจะส่งลิ้นเรียวเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานภายในโพรงปากคนน้อง โบมีจูบตอบแบบไม่ยอมแพ้เช่นกัน ดีกรีความร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อสองลิ้นยังหยอกล้อกันอย่างไม่หยุดหย่อน จังหวะถอนจูบออกเพื่อหายใจมีเพียงแค่เสี่ยววินาทีเท่านั้น ทั้งคู่จูบกันอย่างไม่รู้จักเบื่อ สองร่างเบียดกันจนติดมุมโซฟา ร่างกายเสียดสีกันจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศผ่าน

    "อะแฮ่มมมมๆ !!" เสียงจากทางประตูทำให้ทั้งคู่ดีดตัวออกจากกันแบบไม่ทัน โบมีหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าตกใจไม่ใช่น้อย ขณะที่โชรงได้แต่ก้มเขินไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้

    "ก กลับมาแล้วหรอ" โบมีเกาท้ายทอยถามเพื่อนร่วมวงเหมือนไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

    "อือ กลับมาแล้ว ข้างนอกร้อนชะมัด แต่ดูเหมือนว่าข้างในจะร้อนกว่านะ" อึนจีตอบไม่วายแอบแซวทั้งคู่

    "นั่นดิร้อนเนอะ ไปอาบน้ำดีกว่า" พูดจบโชรงก็ก้มหน้าเดินหนีไปอาบน้ำทันที

    "พี่รงนี่เขินน่ารักเนอะ" อึนจีพูดขึ้นพร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเพื่อน หลังจากโชรงหายเข้าห้องไปแล้ว

    โบมีหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่เข้ามาขัดจังหวะ

    "ย้า ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลย เธอนั่นแหละผิด มาทำอะไรกันบนโซฟา ห้องนอนก็มีไม่เข้าไปทำกันข้างใน ถ้าคนที่กลับมาเห็นไม่ใช่ฉันแต่เป็นพวกน้องๆจะทำไงห๊ะ" อึนจีบ่นร่ายยาว ตามสไตล์ของตัวเอง โบมีพยักหน้ารับคำบ่นอย่างเอือมๆก่อนจะเดินเข้าห้องโชรงไป

     

    นั่งรอสักพักเจ้าของห้องที่พึ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินเข้ามาในห้องเหลือบตามองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สักพักแขนเรียวของเด็กน้อยก็เข้ามาโอบรอบคอจากข้างหลัง ทั้งยังวางคางบนหัวเขาอีก

    โชรงเลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่ามีอะไร แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นรอยยิ้มน่ารักๆแทน

    ฟอดดด อยู่ดีๆคนเด็กกว่าก็ก้มลงมาหอมแก้มกันหน้าตาเฉย เล่นเอาโชรงตกใจไม่น้อย คนถูกกระทำเบะปากเหมือนไม่พอใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆข้างในชอบการกระทำแบบนี้ของคนข้างหลังมากแค่ไหน

    "เอ๊ะ เดี๋ยวนะ" โบมีคิ้วกระตุกเล็กๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มโชรงอีกครั้ง แถมยังไล่จมูกลงไปบริเวณคอด้วย ทุกการกระทำกำลังทำให้โชรงเคลิ้มตามได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดไปจากปากเล็กๆของอีกคน

    "พี่เปลี่ยนสบู่หรอ" โบมีออกมาด้วยความสงสัย ก็กลิ่นสบู่ที่โชรงใช้มันเปลี่ยนไปนี่หน่า เธอจำได้

    "อ่อ อืม อันเก่าหมดเลยเปลี่ยนกลิ่นดู" โชรงพยักหน้าตอบเล็กๆ

    "อ่อ อย่างนี้นี่เอง" โบมีพยักหน้าเข้าใจตาม

    "ทำไมล่ะ มันไม่ เอ่อ.. ม ไม่หอมหรอ" โชรงกำลังสูญเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย อีกอย่างคือกลัวอีกคนไม่ชอบกลิ่นนี้ด้วยแหละ

    "ป่าว แค่ไม่ชินเฉยๆ" เด็กน้อยตอบกลับทั้งที่แขนยังโอบรอบคออีกคนอยู่เช่นเดิม

    "เธอไม่ชอ.." คนแก่กว่ากำลังจะถามว่าอีกคนชอบรึป่าวแต่ก็โดนสายเรียกเข้าของโบมีขัดขึ้นมาซะก่อน

     ครืดๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นทำให้เจ้าของเครื่องละมือออกจากคอคนตรงหน้ามารับสาย

    "ค่ะ ... ค่ะ... โอเคค่ะ" เด็กน้อยคุยกับปลายสายสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

    "ใครโทรมาหรอ" โชรงถามอีกคนพร้อมมองผ่านกระจก ถึงจะอยากรู้มากแค่ไหนแต่ก็ทำเป็นจับนู่นจับนี่เหมือนไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตามประสาคนขี้เก๊ก

    "พี่ผู้จัดการโทรมาบอกเรื่องงานพรุ่งนี้น่ะค่ะ งั้นฉันไปอ่านสคริปก่อนนะ ขี้เกียจโดนพี่ผู้จัดการบ่น" โบมีตอบพร้อมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

    "อือ" โชรงพยักหน้าตอบรับ ก่อนเด็กน้อยจะเดินออกจากห้องไป ก็พวกเรามีงานเดี่ยวต่างกันออกไปหนิเนอะ ยิ่งคนมีความสามารถเยอะแบบโบมีแล้วด้วย งานยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่

     


    โบมีมีงานติดต่อกันมาสามสี่วันแล้ว เวลาพักแทบไม่มี กลับดึกแทบทุกวัน ไม่มีเวลาคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่คุยเลย เห็นหน้ายังนับครั้งได้ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่พี่ผู้จัดการโทรมาบอกว่ายุนโบมีจะเลิกงานดึก โชรงนั่งมองประตูมาเป็นชั่วโมงๆแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครคนนั้นจะกลับมาเลย

    แกร๊ก ! เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งดูทีวีอยู่หันควับทันที แต่ความหวังก็พังลงเมื่อคนที่กลับมาคืออึนจีกับนาอึนที่ออกไปกินข้าวด้วยกันตั้งแต่ตอนเย็น แต่พึ่งจะกลับตอนห้าทุ่ม

    "พี่โชรง ยังไม่นอนหรอคะ" เป็นนาอึนที่เอ่ยทักทายพี่ก่อน

     "อ่อ ยังไม่ง่วงเท่าไหร่" โชรงตอบแห้งๆ

    "ไม่ใช่ว่ารอโบมอยู่หรอ" อึนจีแซวทันทีที่เห็นสายตาผิดหวังตอนที่ที่เปิดประตูเข้ามา

    "ป่าว" โชรงตอบนิ่งๆ

    "ไม่ต้องรอหรอกพี่ วันนี้มันก็กลับดึกเหมือนเดิมแหละ" อึนจีบอกตามความจริง

    "อือ รู้แล้วน่า" โชรงตอบก่อนจะกดปิดทีวีแล้วเดินเข้าห้องหงอยๆ

    "พี่โชรงคงคิดถึงพี่โบมีสินะคะ" นาอึนพูดด้วยความเห็นใจ

    "คงงั้นแหละ ก็เล่นว่างไม่ตรงกันมาเกือบอาทิตย์แล้วหนิ พอพี่รงว่างไอ้โบมก็มีงาน พอโบมมันว่างพี่รงก็ออกไปทำงาน อยู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่ได้เจอกันเลย ถึงจะว่างตรงกัน โบมมันก็เหนื่อยจนหมดแรงจะไปเล่นกับพี่รงแล้วแหละ" อึนจีพูดไปพลางส่ายหน้าไป

    "น่าสงสารนะคะแบบนี้" นาอึนหันมาพูดกับอึนจีตามที่คิด

    "ใช่ งั้นคืนนี้พี่ไปนอนกับนาอึนอานะ ทดเวลาบาดเจ็บตอนที่พี่ต้องไปถ่ายละครไง" อึนจีหันมายิ้มทะเล้นให้เด็กสาวข้างๆ

    "ไม่ได้ค่ะ" คำตอบที่ได้ยินทำให้อึนจีหันควับ ก็คนที่ตอบไม่ใช่คนข้างกายน่ะสิ แต่กลับเป็นเจ้าเด็กโย่งที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องนอนอยู่

    "พี่นาอึน จะออกไปข้างนอกกับพี่อึนจีไม่เห็นบอกฉันเลย" ฮายองเข้ามาอ้อนคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆอึนจี

    "ก็พี่เห็นเธอหลับอยู่" นาอึนตอบกลับตามจริง

    "แล้วทำไมกลับดึกขนาดนี้ล่ะคะ หรือพี่อึนจีทำอะไรพี่รึป่าว" ฮายองถามต่อแต่ประโยคหลังหันมาชี้เอาเรื่องอึนจีแทน

    "เฮ้ย อย่ามากล่าวหากันมั่วๆนะ พี่ดูแลนาอึนเป็นอย่างดี" อึนจีตอบพร้อมยักคิ้วให้เจ้าเด็กโย่ง

    "พอแล้วค่ะ ไปๆ ฮายองเข้าห้องได้แล้ว" นาอึนรีบตัดจบก่อนจะเกิดสงครามขึ้น พร้อมดันหลังฮายองเข้าห้องนอน ฮายองหันมายักคิ้วให้อึนจีอย่างเป็นต่อ

     อึนจีกัดฟันกรอก ใช่สิเจ้าเด็กโย่งมันเป็นรูมเมทนาอึนเลยได้เปรียบ หงุดหงิดชะมัด

    "พี่อึนจีคะ" ขณะที่อึนจีกำลังจะหันไปห้องตัวเองก็ได้ยินเสียงเรียกขึ้นมา จึงหันกลับไปมอง

    "ฝันดีนะคะ" นาอึนบอกเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม

    "ฝันดีค่ะ" อึนจีตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ทำเอาฮายองที่ยิ้มในชัยชนะเมื่อกี้เหวอไปเลย เป็นอันสรุปได้ว่าว่ายกนี้อึนจีชนะไป

    หลังสงครามประสาทจบลงทั้งหมดก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนไป

     


    แกร๊ก ! ประตูห้องนอนถูเปิดออกด้วยคนที่สภาพเหมือนซอมบี้ โบมีมาถึงก็พุ่งเข้าเตียงตัวเองทันที เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

    "เหมือนศพเลย" นัมจูมองสภาพรูมเมทที่นอนตายอยู่บนเตียงอย่างเวทนา

    "โบมอา" เสียงเรียกจากเพื่อนที่เป็นรูมเมทอีกคนทำให้คนนอนคว่ำอยู่บนเตียงขานรับในลำคอด้วยความขี้เกียจ

    "ไม่ไปหาพี่รงหน่อยหรอ" อึนจีถามขึ้น เพราะเห็นอาการลีดเดอร์เมื่อชั่วโมงที่แล้วก็อดห่วงไม่ได้

    "ไฟใต้ช่องประตูดับไปแล้วน่ะ เลยไม่อยากไปกวน" โบมีปรือตาขึ้นมาตอบเพื่อน ก็ก่อนที่จะเข้าห้องตัวเองเธอไปเช็คมาแล้วว่าห้องโชรงปิดไฟรึยัง แล้วผลก็เป็นตามที่ตอบเพื่อนไป

    "แต่ฉันว่าไปดูหน่อยก็ดีนะคะ เห็นนั่งหงอยมาหลายวันแล้ว แถมยังชอบถามอะไรแปลกๆกับฉันอีก" นัมจูพูดขึ้น เรียกความสนใจจากรูมเมทอีกสองคนได้เป็นอย่างดี

    "ยังไง" อึนจีถามกลับด้วยความสงสัย

    "ก็ถามประมาณว่า ถ้าเปลี่ยนนิสัยหรือของใช้อะไรบางอย่างแล้วคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่เข้าใกล้เราเหมือนเดิม มันหมายความว่าเขาไม่ชอบรึป่าว" นัมจูนึกเล็กน้อยก่อนจะตอบพี่ๆ

    "แล้วเธอตอบว่าไง" คราวนี่เป็นโบมีที่เด้งตัวขึ้นมานั่งเป็นคนถาม

    "ฉันก็ตอบไปว่า เขาคงไม่ชอบล่ะมั้งถึงตีตัวออกห่าง" คำตอบของนัมจูเล่นเอาอึนจีกับโบมีกุมขมับทันมี

    "ย้า เธอก็รู้ว่าพี่รงเป็นคนคิดมากยังจะตอบแบบนั้นอีก" อึนจีจัดการล็อคคอทำโทษน้องที่ตอบอะไรไม่คิด

    "แอ๊กๆ ฉันขอโทษๆ" นัมจูรีบยกมือยอมแพ้ก่อนจะโดนอึนจีฆ่า

    "โบม เธอไปทำอะไรให้พี่รงคิดมากรึป่าว" คำถามของอึนจีทำให้โบมีคิ้วขมวดเป็นปม

    "ไม่รู้สิ คิดไม่ออกเลย" โบมีตอบหน้าบื้อๆ คิดว่าไม่ได้ทำอะไรนะ หรือทำ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า

    เถียงกับตัวเองสักพักก็ลุกพรวดออกไปจากห้องทันที ไม่รู้ล่ะ ไม่สบายใจแบบนี้ยังนอนไม่หลับแน่นอน

     

    คนที่กำลังหลับรู้สึกตัวตื่นเมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นจากวงแขนของใครบางคนที่สอดเข้ามากอดเอวเอาไว้

    "กลับมาแล้วหรอ" โชรงลืมตาขึ้นมาก่อนจะพลิกตัวหันมาถามผู้บุกรุกยามวิกาลที่ขึ้นมานอนเบียดบนเตียงเรียบร้อย

    "ค่ะ เหนื่อยจัง" โบมีตอบพร้อมซุกตัวเข้าหาคนพี่เชิงอ้อน โชรงยิ้มออกมาอย่างปิดไม่อยู่พร้อมลูบผมเด็กน้อยเพื่อให้กำลังใจไปด้วย

    "ได้ข่าวไปถามอะไรแปลกๆกับนัมจู เป็นอะไรรึป่าวคะ" โบมีเงยหน้ามาถามด้วยสายตาที่เป็นห่วง

    "ป ป่าว" โชรงตอบไม่เต็มเสียง ทำให้โบมีจับได้ว่าไม่จริง

    "เค้าเป็นห่วงพี่นะ รู้มั้ย" เด็กน้อยพูดเสียงอ่อน พร้อมเข้าไปคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะกดปลายจมูกที่แก้มเนียนของคนเป็นพี่ กลิ่นที่คุ้นเคยกำลังทำให้อาการเหนื่อยจากงานดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โบมีสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหยุดชะงักไป

    "พี่กลับมาใช้สบู่อันเดิมแล้วหรอคะ" ก็เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่หอมแก้มพี่โชรง เขาบอกเธอว่าเปลี่ยนสบู่หนิ แต่ที่ได้กลิ่นเมื่อกี้มันกลิ่นเดิมนี่หน่า

    "อื้มม ก็.. เธอบอกว่าไม่ชินกลิ่นนั้นหนิ พี่ ก็ เลย กลับมาใช้ อันเดิม" โชรงตอบตะกุกตะกักพร้อมเบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่น แก้มแดงๆนั่นกำลังบอกว่าพัคโชรงกำลังเขินกับคำพูดนั้น

    โบมีหัวเราะออกมาเบาๆ เธอรู้แล้วว่าคนตรงหน้ากังวลเรื่องอะไร

     "อยากให้เค้าหอมขนาดนั้นเลยหรอคะ" โบมีกระซิบข้างหูแกล้งอีกคน

    เพี๊ยะ! แล้วเหมือนจะได้ผลเมื่อโดนฝ่ามือตีเข้าที่ต้นแขนอย่างจัง

    "หลงตัวเอง" โชรงว่าอีกคนก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้คนที่ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อย

    "อันที่จริง สบู่กลิ่นไหนก็ไม่สำคัญหรอกนะ แค่พี่เป็นคนใช้มัน เค้าก็ว่าหอมหมดทั้งนั้นแหละ" ไม่พูดเปล่า โบมีจับรวบผมคนตรงหน้าก่อนจะกดจมูกลงที่ท้ายทอยของคนตรงหน้าเพื่อบอกว่าคนตรงหน้าหอมจริงๆ หอมไปทั้งตัว จนเธอเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

     "โบมอาาา~" โชรงเรียกอีกคนเพ้อๆ เมื่อโบมีไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ท้ายทอย จมูกซนๆกำลังเลื่อนไปตามสันกรามเขาอยู่ตอนนี้

    โบมีจับไหล่คนพี่ให้หันกลับมา สองสายตาประสานกันหวานเยิ้ม หัวใจกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยโน้มหน้าเข้าไปทาบริมฝีปากลงตำแหน่งเดียวกับคนตรงหน้า และก่อนที่อารมณ์จะร้อนไปกว่านี้โชรงเป็นคนดันไหล่น้องออกให้มีระยะห่างเล็กน้อย

    "อย่าเพิ่ง" โชรงเอ่ยห้ามทั้งที่ยังหายใจหอบ โบมีจึงเลิกคิ้วถามถึงสาเหตุที่หยุดกลางคันแบบนี้

    "ตอบก่อน ว่า ชอบสบู่กลิ่นไหนมากกว่ากัน" เป็นคำถามที่ทำเอายุนโบมีอยากจะเอาหัวโขกกำแพงจริงๆ

    "ก็ตอบไปแล้วไงคะ ว่าหอมเหมือนกันหมด" เด็กน้อยตอบพร้อมกดจมูกไปที่หลังมือที่จับไหล่เธออยู่ด้วยความหมันเขี้ยว

    "ถ้างั้น แล้วทำไมสามสี่วันมานี้ไม่เห็นมา เอ่อ มา หอมพี่เหมือนเคยเลยล่ะ" โชรงถามสิ่งที่คาใจออกไป

    "ก็เค้ากลับดึก กลับมาพี่ก็ปิดไฟนอนแล้ว เค้าเลยไม่อยากกวน" โบมีตอบพร้อมจับมืออีกคนมาทาบแก้ม

    "แล้วทำไมคืนนี้มาหาล่ะ" ยังไม่หมดคำถาม

    "คิดถึง" คำตอบสั้นๆก่อนที่เด็กน้อยจะปิดโอกาสการถามของอีกคนด้วยริมฝีปากตัวเอง

     "อือออ โบมอา~" เสียงแห่งความสุขแว้วออกจากปากโชรงทุกครั้งที่โบมีกดปลายจมูกและริมฝีปากลงไปตามร่างกายของโชรง ความคิดถึงถูกเปลี่ยนเป็นความโหยหา กลิ่นกายทุกซอกทุกมุมของโชรงถูกยุนโบมีสำรวจในทุกความหอม ไม่มีส่วนไหนที่ปลายจมูกคนเด็กกว่าจะเข้าไม่ถึงในค่ำคืนแห่งนี้ ปล่อยให้ประสาทรับสัมผัสกับความรู้สึกในจิตใจทำงานคู่กันไปตามความต้องการของคนทั้งคู่




    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×